รัฐบาลสหรัฐฯ กลายเป็นหนึ่งในผู้ถือครอง Bitcoin รายใหญ่ที่สุดในโลก หลังจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) ประกาศการยึดเหรียญมูลค่ากว่า 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากคดีหลอกลวงทางไซเบอร์ระดับโลกที่เชื่อมโยงกับขบวนการอาชญากรรม “Prince Group” ซึ่งมีฐานปฏิบัติการอยู่ในประเทศกัมพูชา
DOJ ยึด Bitcoin กว่า 127,000 เหรียญ — ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ และสำนักงานอัยการเขตตะวันออกแห่งนิวยอร์ก (U.S. Attorney’s Office for the Eastern District of New York) ได้ประกาศการฟ้องร้องคดี ริบทรัพย์ทางแพ่ง (civil forfeiture) ต่อ เฉิน จื้อ (Chen Zhi) อดีตพลเมืองจีน ซึ่งถูกระบุว่าเป็นหัวหน้าขบวนการ Prince Group Transnational Criminal Organization
ผลจากการสืบสวนและปฏิบัติการร่วมระดับนานาชาติ ทำให้หน่วยงานสามารถ ยึด Bitcoin ได้รวม 127,271 BTC — ถือเป็นการยึดทรัพย์สินดิจิทัลครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ
“นี่คือการยึดทรัพย์สินดิจิทัลครั้งใหญ่ที่สุดที่ DOJ เคยดำเนินการมา” — แถลงการณ์จาก DOJ ระบุ
เฉิน จื้อ: ผู้นำขบวนการอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติ
เฉิน จื้อ ซึ่งสละสัญชาติจีนและตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ในกัมพูชา ถูกตั้งข้อหาฉ้อโกง ฟอกเงิน และเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติหลายรูปแบบ รวมถึง
-
การหลอกลวงการลงทุน (Investment Scams)
-
การกรรโชกและแบล็กเมล์ผ่านสื่ออนาจาร รวมถึงเหยื่อเยาวชน
-
การฟอกเงินและทุจริตข้ามชาติ
-
การพนันออนไลน์ผิดกฎหมาย
-
และ การค้ามนุษย์ในระดับอุตสาหกรรม (Industrial-scale Human Trafficking)
รายงานระบุว่ามีแรงงานจำนวนมากถูกบังคับใช้แรงงานในคอมพาวด์ (compound) หลายแห่งในกัมพูชา เพื่อดำเนินงานหลอกลวงออนไลน์
ความร่วมมือคว่ำบาตรระหว่างประเทศ
ในปฏิบัติการครั้งนี้ กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ผ่าน สำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศ (OFAC) และ FinCEN ได้ทำงานร่วมกับ รัฐบาลสหราชอาณาจักร (FCDO) เพื่อออกมาตรการคว่ำบาตรขบวนการ Prince Group
มีการคว่ำบาตรรวมกว่า 146 เป้าหมาย ที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายดังกล่าว เพื่อสกัดกั้นเส้นทางการฟอกเงินและปิดกั้นธุรกรรมข้ามชาติที่หลอกลวงชาวอเมริกันและพลเมืองพันธมิตร
คลัง Bitcoin ของรัฐบาลสหรัฐฯ พุ่งแตะ 36,000 ล้านดอลลาร์
ก่อนการยึดทรัพย์ครั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ถือครองอยู่แล้วประมาณ 197,354 BTC หรือราว 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
การยึดเพิ่มอีกเกือบ 130,000 BTC ส่งผลให้ยอดรวม Bitcoin ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ถือครองทะลุ 36,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ตามราคาตลาดปัจจุบัน) — นับเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดของสินทรัพย์ดิจิทัลที่รัฐเคยครอบครอง
Scott Bessent: “ต้องปกป้องชาวอเมริกันจากอาชญากรข้ามชาติ”
Scott Bessent รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวถึงเหตุการณ์นี้ว่า การหลอกลวงข้ามชาติสร้างความเสียหายอย่างมหาศาล บางรายสูญเงินเก็บทั้งชีวิตในเวลาไม่กี่นาที
“กระทรวงการคลังจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด เพื่อปกป้องชาวอเมริกันจากกลุ่มอาชญากรต่างชาติ โดยร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและพันธมิตรระหว่างประเทศ เพื่อยับยั้งขบวนการหลอกลวงและการฟอกเงินเหล่านี้”
— Scott Bessent กล่าว
ทั้งนี้ Bessent ยืนยันว่า รัฐบาล ไม่มีแผนจะซื้อ Bitcoin เพื่อเก็บเป็นทุนสำรองทางยุทธศาสตร์ สินทรัพย์ทั้งหมดที่ถืออยู่ในปัจจุบันเกิดจากการ “ยึดทรัพย์จากอาชญากรรม” เท่านั้น
รัฐบาลสหรัฐฯ กลายเป็น “วาฬ Bitcoin” รายใหญ่ของโลก
หลังการยึดทรัพย์ครั้งนี้ สหรัฐฯ ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งใน ประเทศที่ถือครอง Bitcoin มากที่สุดในโลก โดยสินทรัพย์ที่ยึดได้จะถูกเก็บไว้ใน กระเป๋าเก็บเหรียญของรัฐบาล (Government Wallet) ภายใต้การดูแลของ DOJ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
แม้รัฐบาลยังไม่เปิดเผยแผนการขายหรือจัดการเหรียญเหล่านี้ในอนาคต แต่การครอบครอง Bitcoin มูลค่ามหาศาลเช่นนี้ ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ กลายเป็นผู้เล่นสำคัญที่มีอิทธิพลต่ออุปทานและเสถียรภาพของตลาด Bitcoin ทั่วโลก
Cr.theblock
—————————————————–
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you