สหรัฐฯ เตรียมสู่ยุคกฎเกณฑ์คริปโตโฉมใหม่ หลัง Paul Atkins ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) คนล่าสุด ส่งสัญญาณแรงบนเวที Blockchain Association Policy Summit ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ว่า
“ปีหน้าคุณยังจะได้เห็นอะไรอีกเยอะกว่าที่ผ่านมา”
พร้อมย้ำว่า SEC กำลังเปลี่ยนจากยุค Regulation by Enforcement ในสมัย Gary Gensler สู่ยุคใหม่ที่ “วางกติกาให้เล่นได้จริง” เปิดพื้นที่ให้คริปโต–ฟินเทคพัฒนาอย่างถูกต้องและแข่งขันได้มากขึ้น
สารบัญบทความ
จากยุคฟ้อง-ไล่บี้ มาสู่ยุคนวัตกรรม: ทิศทางใหม่ของ SEC ภายใต้ Paul Atkins
Atkins ระบุว่าโครงการต่าง ๆ ที่ SEC เตรียมวางฐานมาตลอดปีที่ผ่านมา กำลังจะ “แตกหน่อ” ในปีหน้า ทั้งในด้านการกำกับและการเปิดพื้นที่ทดลองนวัตกรรม โดยมี 3 แกนหลักคือ:
1) Innovation Exemption — Sandbox แบบมีกรอบ กำลังเปิดตัว ม.ค. ปีหน้า
หนึ่งในกฎสำคัญที่ SEC ต้องการปล่อยเร็วที่สุดคือ กรอบยกเว้นเพื่อการทดลองนวัตกรรม (Innovation Exemption) ซึ่งคล้าย Regulatory Sandbox แต่มีโครงสร้างชัดเจนกว่า
เป้าหมายหลัก
-
เปิดพื้นที่ให้โปรเจกต์คริปโต–ฟินเทคทดลองผลิตภัณฑ์
-
ยกเว้นภาระคอมพลายบางส่วน แบบมีเงื่อนไขและจำกัดเวลา
-
ลดต้นทุนการพัฒนาในช่วง PoC / Early Stage
-
ยังคงเน้น เปิดเผยข้อมูล และ คุ้มครองนักลงทุน
Atkins คาดว่าจะเสนอร่างให้สาธารณะรับฟังความคิดเห็นได้ประมาณ ปลายเดือนมกราคม 2026
นี่อาจเปลี่ยนเกมสำหรับสตาร์ทอัปอเมริกัน ที่ก่อนหน้านี้ย้ายฐานไปสิงคโปร์–ฮ่องกง–ดูไบ เพราะสหรัฐฯ ไม่มีความชัดเจนด้านกฎหมาย
2) Token Taxonomy — ตอบให้ชัดว่าเหรียญไหนเป็น “หลักทรัพย์”
อาวุธใหญ่ของ SEC คือการจัดทำ Token Taxonomy เพื่อแบ่งหมวดหมู่สินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาใหญ่สุดที่วงการเผชิญมานาน:
“เหรียญของเรานับเป็น Security หรือไม่?”
สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ
-
วางนิยาม Security / Non-Security
-
ลดความคลุมเครือในการออกโทเคน
-
ลดความเสี่ยงโดนฟ้องย้อนหลัง
-
ให้กรอบที่แพลตฟอร์ม–ผู้ออกเหรียญ–นักลงทุนทำตามได้จริง
อย่างไรก็ตาม การจัด taxonomy ต้องรอความชัดเจนจาก กฎหมายระดับสภาคองเกรส ที่อยู่ระหว่างการร่างเช่นกัน จึงต้องออกแบบให้สอดคล้องกับกฎหมายใหญ่ที่จะมาถึง
3) Project Crypto — อัปเดตกฎ SEC ให้ทันเทคโนโลยี ไม่ยัดทุกอย่างเข้ากรอบเก่า
Project Crypto คือการ “ทบทวน–ปรับปรุง–ยกเครื่องกฎของ SEC” ที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมด โดยยึดหลักว่า:
-
ปรับกฎเกณฑ์ให้ทันเทคโนโลยี
-
ไม่ใช้กฎหมายเก่าไปบังคับของใหม่อย่างไม่เหมาะสม
-
สร้างความชัดเจนในการคอมพลายระยะยาว
-
ลดการใช้แนวทางฟ้องร้องเป็นตัวนำเหมือนสมัย Gensler
นี่เป็นการเปลี่ยนวิธีคิดจากเดิมที่ SEC ใช้ “การบังคับใช้กฎหมายโดยฟ้องร้องก่อน” มาเป็น “ให้กติกาชัดเจนก่อน”
บทบาทสำคัญของสภาคองเกรส: แบ่งเขต SEC–CFTC และวางกรอบคริปโตทั้งระบบ
ขณะนี้สภาคองเกรสกำลังเร่งผลักดัน Crypto Market-Structure Bill ซึ่งมีผลสำคัญมาก เพราะจะ:
-
แบ่งเส้นอำนาจ SEC กับ CFTC
-
กำหนดนิยามสินทรัพย์ดิจิทัล
-
วางกฎตลาดสปอต–อนุพันธ์–DeFi–Stablecoin
-
ทำให้โครงสร้างกำกับชัดเจนทั่วทั้งประเทศ
Senate Banking Committee และ Senate Agriculture Committee ต่างมีร่างของตัวเอง และกำลังรวมเป็นหนึ่งฉบับ โดยทำเนียบขาวร่วมเจรจาด้วย
เมื่อกฎหมายระดับ Federal ออกมา ทั้ง Token Taxonomy, Innovation Exemption และ Project Crypto จะต้องสอดรับกับกติกาใหญ่ของประเทศ
สรุป: ปี 2026 จะเป็นปี ‘รีเซ็ตกฎคริปโต’ ของสหรัฐฯ
การขึ้นมาของ Paul Atkins นำมาซึ่งการเปลี่ยนเกียร์ครั้งใหญ่ ในมุมที่เป็นมิตรมากกว่าเดิมอย่างชัดเจน:
-
จากยุคฟ้อง–บังคับใช้ มาเป็นยุควางกติกา
-
กำลังเกิด sandbox ระดับชาติ
-
เตรียมแบ่งหมวดหมู่โทเคนครั้งแรก
-
อัปเดตกฎ SEC ให้ทันเทคโนโลยี
-
เดินคู่กับกฎหมายใหญ่จากสภาคองเกรส
ทั้งหมดนี้ทำให้สหรัฐฯ อาจกลับมาเป็น “ศูนย์กลางการพัฒนา Web3–คริปโต” อีกครั้ง หลังหลายปีเสียความได้เปรียบให้ประเทศอื่น
Cr.theblock
—————————————————–
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you



