ปี 2026 ถูกจับตาอย่างมากในฐานะ “ปีชี้ชะตา” ของการสเกลเครือข่าย Ethereum โดยเฉพาะฝั่ง Layer 1 (L1) ที่เตรียมยกระดับประสิทธิภาพครั้งใหญ่ ควบคู่ไปกับการขยายศักยภาพ Layer 2 (L2) ผ่านการเพิ่ม data blobs และการนำเทคโนโลยี Zero-Knowledge (ZK) มาใช้อย่างจริงจังมากขึ้น

แกนหลักของโรดแมปปี 2026 อยู่ที่การอัปเกรดใหญ่ 2 ระยะ ได้แก่

• Glamsterdam fork (กลางปี 2026)

• Heze–Bogota fork (ปลายปี 2026)

ทั้งสองอัปเกรดมีเป้าหมายร่วมกันคือ เพิ่ม throughput ของเครือข่าย พร้อมเสริมความทนทานต่อการเซ็นเซอร์ (censorship resistance) ในระยะยาว

Glamsterdam fork: จุดเริ่ม “ประมวลผลขนาน” บน L1

ไฮไลต์สำคัญของ Glamsterdam คือการเปลี่ยนโมเดลการประมวลผลธุรกรรมของ Ethereum จากเดิมที่ทำงานแบบ “เลนเดียว” ไปสู่ การประมวลผลแบบขนาน (Parallel Processing) อย่างมีระบบมากขึ้น

Block Access Lists (EIP-7928) คืออะไร

หนึ่งในฟีเจอร์หลักคือ Block Access Lists ซึ่งเป็นกลไกที่ทำให้ในแต่ละบล็อกมีข้อมูลล่วงหน้าว่า

• ธุรกรรมใดจะเข้าถึง state ส่วนใด (บัญชี, storage, slot)

• และผลลัพธ์หลังจากประมวลผลคืออะไร

ผลลัพธ์คือ client สามารถแยกธุรกรรมไปประมวลผลพร้อมกันบนหลายคอร์ CPU ได้ ลดคอขวดจากการอ่านข้อมูลทีละขั้น และเพิ่ม throughput ของเครือข่ายอย่างมีนัยสำคัญ

สรุปง่าย ๆ: รู้ล่วงหน้าว่าแตะอะไร → จัดคิวให้รันพร้อมกัน → ประมวลผลได้เร็วขึ้น

ePBS: กลไกใหม่ ลด MEV และปูทางสู่ ZK

อีกหัวใจของ Glamsterdam คือ ePBS (Enshrined Proposer-Builder Separation) การแยกบทบาท “ผู้สร้างบล็อก (builder)” และ “ผู้เสนอบล็อก (proposer)” เข้าไปอยู่ในโปรโตคอลโดยตรง จากเดิมที่พึ่งพาโซลูชันนอกระบบอย่าง MEV-Boost

ผลลัพธ์สำคัญมี 2 มิติ

1. ด้านความปลอดภัยและการกระจายศูนย์: ลดแรงกดดันจาก MEV ที่เอื้อต่อการรวมศูนย์

2. ด้านการสเกล: ePBS เปิดพื้นที่เวลาให้เครือข่ายสามารถรับ–กระจาย–ตรวจสอบ ZK Proof ได้ดีขึ้น สนับสนุนแนวคิด “ตรวจ proof แทนการรันซ้ำทั้งหมด”

วาลิเดเตอร์เริ่มขยับสู่ “ตรวจ ZK Proof”

อีกหนึ่งเทรนด์ใหญ่ในปี 2026 คือการที่วาลิเดเตอร์บางส่วนอาจเปลี่ยนบทบาทจากการ re-execute ธุรกรรม มาเป็นการ ตรวจ Zero-Knowledge Proof แทน

ภาพที่ถูกพูดถึงในวงการคือ อาจมีวาลิเดเตอร์ราว 10% เริ่มใช้แนวทางนี้ ซึ่งจะช่วยลดภาระการคำนวณบน L1 และปูทางไปสู่เป้าหมายระยะยาวอย่าง L1 ระดับ 10,000 TPS (แม้ปี 2026 จะยังไม่ถึงจุดนั้นก็ตาม)

Gas Limit และ Data Blobs โตพร้อมกัน

ปัจจุบัน gas limit ของ Ethereum อยู่ราว 60 ล้าน และในปี 2026 มีการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยกรอบประเมินอยู่ที่ 100–200 ล้าน gas ต่อบล็อก

ขณะเดียวกันฝั่ง L2 จะได้แรงหนุนจากการเพิ่ม data blobs ซึ่งอาจขยายไปถึง 72+ blobs ต่อบล็อก ส่งผลให้ L2 หลายเครือข่ายรวมกันสามารถรองรับธุรกรรมได้ระดับ หลายแสน TPS และทำให้ค่าธรรมเนียมถูกลงอย่างต่อเนื่อง

หนึ่งในแนวคิดด้าน UX ที่ถูกพูดถึงคือ โมเดลที่ผู้ใช้ยังถือสินทรัพย์อยู่บน mainnet แต่สามารถไปใช้งาน execution environment ที่เร็วของ L2 ได้อย่างลื่นไหลมากขึ้น

Heze–Bogota fork: โฟกัส “ต้านเซ็นเซอร์”

ปลายปี 2026 Ethereum ยังเตรียมอัปเกรด Heze–Bogota fork ซึ่งมีโทนต่างจาก Glamsterdam โดยเน้นหนักไปที่อุดมการณ์ censorship resistance ตามแนวคิดไซเฟอร์พังก์

หนึ่งในแนวคิดสำคัญคือ FOCIL (Fork-Choice Inclusion Lists) ที่ออกแบบมาเพื่อให้ หากยังมีส่วนหนึ่งของเครือข่ายที่ซื่อสัตย์ ระบบควรมีวิธีทำให้ธุรกรรมที่ถูกกีดกัน ได้รับการบรรจุลงบล็อกในท้ายที่สุด

คลิก

Cr.cointelegraph

—————————————————–

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you