Mike Alfred นักลงทุนและผู้ประกอบการด้านคริปโต ระบุในการให้สัมภาษณ์ล่าสุดว่า สหรัฐอเมริกายังไม่มีแนวโน้มจะเริ่มสะสม Bitcoin เข้าคลังสำรอง (Strategic Bitcoin Reserve) ในเร็ว ๆ นี้ โดยจะขยับตัวก็ต่อเมื่อ “ประเทศอื่นเริ่มก่อน” และเกิดแรงกดดันจากเวทีนานาชาติ

เขามองว่า หากสหรัฐฯ เห็นว่าชาติคู่แข่งเริ่มถือครอง BTC ในระดับที่สร้างความได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์ นโยบายด้าน Bitcoin ของสหรัฐฯ อาจเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทันที

เหตุใดสหรัฐฯ ยังไม่เริ่มซื้อ Bitcoin ทั้งที่ประกาศจัดตั้งคลังสำรองแล้ว?

แม้ประธานาธิบดี Donald Trump ลงนามจัดตั้ง Strategic Bitcoin Reserve ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2025 แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีสัญญาณชัดเจนว่ารัฐบาลได้เข้าซื้อ Bitcoin จริงหรือไม่

นักวิเคราะห์มองว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ยังคง “รอดูสถานการณ์” จากหลายปัจจัย ได้แก่

• เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของชาติคู่แข่ง

• ประเมินผลกระทบทางการเมืองและเศรษฐกิจภายในประเทศ

• กังวลเรื่องภาพลักษณ์ว่ารัฐ “ยอมรับ Bitcoin มากเกินไป” ก่อนที่เฟดจะกำหนดกรอบนโยบายชัดเจน

อย่างไรก็ตาม ความกดดันจากนานาชาติกำลังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ถ้าราคาพุ่งแตะ $1,000,000 — ประเทศต่าง ๆ จะเร่งถือ BTC

Alfred คาดการณ์ว่า Bitcoin มีโอกาสแตะระดับ 1 ล้านดอลลาร์ต่อเหรียญภายในปี 2033 พร้อมการขยายตัวของ Bitcoin adoption ระดับรัฐบาล ทั่วโลก

เขาระบุว่า

“ในวันนั้น เกือบทุกประเทศจะมี Bitcoin เป็นสินทรัพย์สำรอง ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม”

มุมมองนี้สอดคล้องกับผู้บริหารในอุตสาหกรรมอย่าง Cathie Wood (ARK Invest) และ Brian Armstrong (Coinbase) ที่เคยคาดว่าราคาจะทะลุ 7 หลักได้เร็วกว่า 2033 ด้วยซ้ำ

นักวิเคราะห์เตือน: สหรัฐฯ อาจ “โดนแซง”

Samson Mow ผู้ก่อตั้ง Jan3 เคยออกมาเตือนว่า

“สหรัฐฯ ต้องเริ่มซื้อ Bitcoin ภายในปีนี้ ไม่อย่างนั้นจะถูกประเทศอื่นแซงหน้า”

โดยเฉพาะชาติที่กำลังพิจารณานำ Bitcoin เป็นทุนสำรอง เช่น

• ปากีสถาน

• หลายประเทศในละตินอเมริกา

• กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่ต้องการหลบความผันผวนของเงินเฟ้อ

อีกด้านหนึ่ง Alex Thorn จาก Galaxy Digital มองว่า ยังมีโอกาสสูงที่สหรัฐฯ อาจประกาศว่าซื้อ Bitcoin แล้วภายในปีนี้ หากรัฐบาลต้องการรักษาความได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์ในระบบการเงินโลก