BitMine Immersion บริษัทกองทุน Ethereum ที่มี Tom Lee นั่งเก้าอี้ประธาน ประกาศว่าการถือครอง ETH ของบริษัทพุ่งแตะ 2.65 ล้าน ETH (มูลค่าราว 10.8 พันล้านดอลลาร์) หลังการเข้าซื้อครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา

เฉพาะสัปดาห์ที่ผ่านมา BitMine ซื้อเพิ่มกว่า 234,846 ETH (มูลค่า 961.5 ล้านดอลลาร์) ส่งผลให้มูลค่ารวมของสินทรัพย์คริปโตและเงินสดในมือแตะ 11.6 พันล้านดอลลาร์ โดยนอกจาก ETH แล้ว บริษัทยังถือครอง 192 BTC (21.5 ล้านดอลลาร์), การลงทุนใน WLD Treasury Firm Eightco มูลค่า 157 ล้านดอลลาร์ และเงินสดที่ยังไม่ได้ผูกพันอีก 436 ล้านดอลลาร์

การสะสม ETH ครั้งนี้ทำให้ BitMine ครองส่วนแบ่ง ราว 2.2% ของซัพพลาย ETH หมุนเวียนทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 120.7 ล้าน ETH ตามข้อมูลจาก The Block

ผู้นำครองตลาด Ethereum

ข้อมูลจาก SER ระบุว่า BitMine กลายเป็น ผู้ถือ Ethereum รายใหญ่ที่สุดในโลก แซงหน้าคู่แข่งอย่าง SharpLink ของ Joe Lubin ที่ถือ 838,730 ETH และ The Ether Machine ที่ถือ 495,360 ETH

ในภาพรวมของบริษัทคริปโต BitMine ยังเป็น กองทุนสาธารณะรายใหญ่อันดับสองของโลก รองจาก Strategy ของ Michael Saylor ที่ถือครอง 640,031 BTC (มูลค่า 71.8 พันล้านดอลลาร์) หรือกว่า 3% ของซัพพลาย Bitcoin ทั้งหมด

แรงหนุนจากสถาบัน – ตั้งเป้า 5% ของซัพพลาย

BitMine ได้รับแรงสนับสนุนจากนักลงทุนสถาบันระดับโลก อาทิ Cathie Wood (Ark Invest), Founders Fund, Bill Miller III, Pantera, Kraken, DCG และ Galaxy Digital โดยบริษัทตั้งเป้าจะสะสม ETH ให้ได้ 5% ของซัพพลายทั้งหมด หรือราว 6.04 ล้าน ETH

Tom Lee กล่าวย้ำว่า ธีมการลงทุนระยะยาวอยู่ที่ AI และคริปโต ซึ่งทั้งสองต่างต้องการ “บล็อกเชนสาธารณะที่เป็นกลาง” และ Ethereum ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งเพราะมีความเสถียรและ uptime 100%

“ราคาของ ETH ในปัจจุบันยังถูกมองว่าเป็นส่วนลดของอนาคต และนี่คือเหตุผลที่ BitMine เลือก ETH เป็นสินทรัพย์หลักในคลัง” Lee กล่าว

หุ้น BitMine พุ่งแรงในตลาดสหรัฐฯ

ไม่เพียงแต่ครองตำแหน่งผู้ถือ ETH รายใหญ่ที่สุด หุ้นของ BitMine ยังเป็นหนึ่งในหุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุดในสหรัฐฯ โดยมีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในช่วง 5 วันที่ผ่านมา 2.6 พันล้านดอลลาร์ อยู่อันดับที่ 26 ของประเทศ ถัดจาก Marvell Technology และเหนือกว่า Visa ตามข้อมูลจาก Fundstrat และ Statista

Lee เสริมว่า “BitMine นำหน้าคู่แข่งทั้งในด้านการสร้างมูลค่าทรัพย์สินคริปโตต่อหุ้น และสภาพคล่องของหุ้นในตลาด”